แมนฯ ซิตี้ เชือด บอร์นมัธ 2-1 – วิลล่า มาตามนัด ฉลุยตัดเชือก เอฟเอ คัพ 

แมนฯ ซิตี้ เชือด บอร์นมัธ – ผลบอล เอฟเอ คัพ อังกฤษ วันอาทิตย์ที่ 30 มี.ค. ที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกเชือด บอร์นมัธ ถึงที่ 2-1 ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ รักษาโอกาสลุ้นแชมป์รายการเดียวที่ยังเหลือของฤดูกาลนี้ เอาไว้ได้ต่อ

ทีมแชมป์เก่า พรีเมียร์ลีก อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เหลือลุ้นแชมป์เพียงรายการเดียวเท่านั้น ซึ่งคือ เอฟเอ คัพ ภายหลังเล่นผิดมาตรฐานในซีซั่นนี้ โดยใน พรีเมียร์ลีก ทำได้แค่ลุ้นอันดับ 4 ส่วน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ตกรอบเพลย์ออฟน็อกเอาต์ และ คาราบาว คัพ ตกรอบ 4

ทั้งนี้ ยังไม่นับ สโมสรโลก ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2025 รูปแบบใหม่ที่จะลงเล่นกันตอนซัมเมอร์ หลังจบซีซั่น ที่สหรัฐอเมริกา

สำหรับเกมวานนี้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จัดชุดใหญ่ลงเต็มที่ 11 คนแรกมี เอแดร์ซอน โมราเอส – ยอสโก้ กวาร์ดิโอล, รูเบน ดิอาส, อับดูโคดีร์ คูซานอฟ, มาเตอุส นูเนส – อิลคาย กุนโดกัน, มาเตโอ โควาซิช, แบร์นาร์โด้ ซิลวา – เควิน เดอ บรอยน์, เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาแลนด์ และ ฟิล โฟเด้น

ส่วน บอร์นมัธ เจ้าถิ่น นำมาโดย จัสติน ไคลเวิร์ต, เอวานิลซอน, อองตวน เซเมนโย่ และ เดวิด บรู้คส์

เกมที่ ไวทัลลิตี้ สเตเดี้ยม เริ่มมาแค่ 12 นาที แมนฯ ซิตี้ มาได้จุดโทษ เมื่อ ไทเลอร์ อดัมส์ ไปทำแฮนด์บอล อย่างไรก็ตาม เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาแลนด์ ดันสังหารไปถูก เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า เซฟเอาไว้ได้เต็มๆ

แมนฯ ซิตี้ ลุยใส่อย่างหนัก และยังมีโอกาสจบเพิ่มหลังจากนั้นอีก 2-3 หน แต่ เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า วันนี้มาดีเป็นพิเศษ ป้องกันไว้ได้หมด

จนนาทีที่ 21 กลายเป็น บอร์นมัธ ออกนำ 1-0 จุดเริ่มต้นจากการจ่ายบอลขวางสนามพลาดของ มาเตอุส นูเนส ก่อนที่ เดวิด บรู้คส์ จะทะลุเข้าเขตโทษฝั่งขวาแล้วเปิดมาเสาไกลให้ เอวานิลซอน สอดมาชาร์จระยะเผาขนตุงตาข่าย

ต้องเป็นครึ่งหลัง นาทีที่ 49 แมนฯ ซิตี้ ถึงตามตีเสมอ 1-1 จากจังหวะสวนกลับ ดาวรุ่งตัวสำรอง นิโก้ โอไรลี่ ลากจี้ขึ้นทางซ้ายก่อนปาดไปเสาสองให้ เออร์ลิง ฮาแลนด์ วิ่งมากดตุงตาข่าย แก้ตัวจากที่พลาดจุดโทษได้สำเร็จ

ครบชั่วโมง เป๊ป ถอด ฮาแลนด์ ที่ดูมีอาการเจ็บเล็กๆ ออกจากสนาม ให้ โอมาร์ มาร์มุช ลงไปยืนหน้าเป้าแทน

และถึงนาทีที่ 63 แมนฯ ซิตี้ พลิกแซงนำ 2-1 นิโก้ โอไรลี่ ดีดเข้าเขตโทษให้ โอมาร์ มาร์มุช เกี่ยวลงแล้วยิงเร็วด้วยเท้าขวาผ่าน เกป้า เข้าประตูไปอย่างเฉียบคม เป็นประตูของสตาร์อียิปต์ในสัมผัสแรกหลังลงสำรอง

ช่วงเวลาที่เหลือ ไม่มีประตูเกิดขึ้นเพิ่ม จบเกม แมนฯ ซิตี้ บุกชนะ บอร์นมัธ 2-1

แมนฯ ซิตี้ ผ่านเข้ารอบตัดเชือก เอฟเอ คัพ ไปดวลกับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ซึ่งจะลงเล่นที่สนามเวมบลีย์ ระหว่างวันที่ 26 หรือ 27 เม.ย.

ทั้งนี้ทั้งนั้น แมนฯ ซิตี้ ยังเจอข่าวร้ายเมื่อ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ มีปัญหาบาดเจ็บ ต้องออกจากสนามด้วยการสวมเฝือกอ่อน พร้อมใช้ไม้ค้ำยันช่วยเดิน โดยจะเข้ารับการประเมินอย่างละเอียดในวันจันทร์ เพื่อระบุขอบข่ายอาการบาดเจ็บต่อไป

อีกคู่ของฟุตบอล เอฟเอ คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย ทีมหัวแถว พรีเมียร์ลีก อย่าง แอสตัน วิลล่า ไม่มีข้อผิดพลาดใดในการบุกจัดการ เปรสตัน นอร์ธเอนด์ ทีมระดับ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ด้วยสกอร์สวยๆ 3-0

เปรสตัน กรุยทางมาถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย เอฟเอ คัพ ได้ หลังจากรอบก่อนหน้านี้ไม่ได้เจอทีม พรีเมียร์ลีก เลย จนกระทั่งมาเจอกับ แอสตัน วิลล่า ซึ่ง อูไน เอเมรี่ ส่งชุดใหญ่ลงเต็มเหนี่ยว ข้างหน้าดัน มาร์คัส แรชฟอร์ด ไปยืนหอกเป้า แผงรุกมี เจค็อบ แรมซี่ย์, มาร์โก อเซนซิโอ และ มอร์แกน โรเจอร์ส

เกมที่ดีพเดล ครึ่งแรก เปรสตัน เน้นเกมเหนียวแน่น สู้ได้ดี และเกือบได้ประตูนำในนาที 31 ร็อบบี้ เบรดี้ เปิดเรียดจากขวา เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ ปัดออกมาเข้าทาง สเตฟาน ธอร์ดาร์สัน ยิงสวนไม่เข้ากรอบ

ครึ่งหลัง แอสตัน วิลล่า เปิดเกมรุกดุดันขึ้น นาที 54 มาร์คัส แรชฟอร์ด จับบอลลงไม่ดีแล้วแต่ยังได้ดวลกับผู้รักษาประตู เดวิด คอร์เนลล์ แต่ก็ยิงไม่ผ่าน

นาที 58 ทีมเยือนจากพรีเมียร์ลีกขึ้นนำ 1-0 จนได้ ลูก้าส์ ดีญ ครอสเรียดไปหา มาร์คัส แรชฟอร์ด คราวนี้แปเน้นๆ เข้าไปไม่พลาด เป็นประตูแรกในชุด แอสตัน วิลล่า หลังย้ายยืมตัวมาจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

แอสตัน วิลล่า มาได้จุดโทษนาที 63 หลัง มอร์แกน โรเจอร์ส โดน แอนดรูว์ ฮิวจ์ส รวบในกรอบโทษล้มลงไป ซึ่งแม้มือยิงอย่าง อเซนซิโอ จะยังอยู่ แต่ก็เป็น แรชฟอร์ด เอาบอลมาสังหาร ทว่าก็ยิงไปคนละทางกับนายทวาร เข้าประตูไปไม่พลาด เป็น 2-0

แอสตัน วิลล่า รัวประตู 3-0 อีกในนาที 71 ลูก้าส์ ดีญ จ่ายให้ เจค็อบ แรมซี่ย์ พลิกตัวในกรอบโทษแล้วยิงเสียบมุม

เวลาที่เหลือไม่มียิงกันเพิ่ม จบที่ แอสตัน วิลล่า ชนะสวยๆ 3-0

แอสตัน วิลล่า ผ่านเข้ารอบตัดเชือก เอฟเอ คัพ ไปพบกับ คริสตัล พาเลซ ซึ่งจะลงเล่นที่สนามเวมบลีย์ ระหว่างวันที่ 26 หรือ 27 เม.ย.

26-27 เมษายน – คริสตัล พาเลซ v แอสตัน วิลล่า (เล่นที่เวมบลีย์)

26-27 เมษายน – น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ v แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (เล่นที่เวมบลีย์)